วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

แปรรูปต้นอ่อนทานตะวัน

แนะนำการทำสบู่ต้นอ่อนทานตะวัน

        ปัจจุบันนี้มีผู้สนใจหันมาเพาะต้นอ่อนทานตะวันหรือผักปลอดสารพิษ เพิ่มขี้นเป็นจำนวนมาก
ในบางครั้งอาจล้นตลาดเกินความต้องการ ฉะนั้นอยากแนะนำให้คนที่ผลิตออกมาได้เยอะ ให้มองลู่ทางไปแปรรูปเป็นอย่างอื่นบ้างค่ะ

วันนี้มาแนะนำ "สบู่ต้นอ่อนทานตะวัน"

http://www.archeep.com/invention/prd_jun_2011.html

วิธีทำอยู่ในเว็บด้านบน (ขออนุญาติเว็บด้านบนเพื่อมาประกอบการเขียนให้ความรู้ในการทำสบู่นะคะ)


เมื่อได้อ่านวิธีทำเรียบร้อยแล้ว ลองเอาต้นอ่อนทานตะวันไปคั้นเป็นน้ำแล้วเอามาผสมในขั้นตอนการทำ

เพราะต้นอ่อนทานตะวันมีประโยชน์มากมาย ช่วยเรื่องการแก่ก่อนวัย 

หากท่านใดลองทำแล้ว ผลเป็นไง ก็มาบอกกล่าวกันบ้างนะคะ

(บทความนี้เป็นการแนะนำในการแปรรูป หากท่านใดมีความรู้สามารถเอาไปต่อยอดได้ มันก็อาจช่วยเพิ่รายได้พิเศษได้ หรือหากใครที่ผลิตต้นอ่อนได้ปริมาณเยอะ แล้วไม่สามารถขายออกได้หมด ก็ลองเอามาแปรรูปเป็นสบู่ออแกนิคดูค่ะ)

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ยำต้นอ่อนทานตะวัน แปรรูปเป็นอาหารขาย


 
สูตรการทำยำต้นอ่อนทานตะวัน
วัตถุดิบ ต้นอ่อนทานตะวัน(เอาแบบต้นอ่อนๆ สั้นๆ เขียวๆ สดๆ) หมูยอ หมูสับ ปูอัด ไส้กรอก ถั่วลิสงคั่ว มะนาว น้ำปลา น้ำตาลทรายแดง พริกขี้หนูสีแดง
วิธีการทำ
เริ่มจาก เอาหมูยอ หมูสับ ปูอัด ไส้กรอก มาลวกให้สุก (พักทิ้งไว้)
ทำน้ำยำ
เราใช้ทัพพีเป็นตัวช่วยตวง
โดยการบีบมะนาวให้ได้
น้ำมะนาว 1 ทัพพี
น้ำปลา 1 ทัพพี
น้ำตาล ครึ่งทัพพี
พริก 4 เม็ดมาสับละเอียด คน
คนให้เข้ากัน ใส่หัวหอมเล็ก ใส่ผักชีฝรั่ง มะเขือเทศ
เสร็จแล้ว นำต้นอ่อนทานตะวันประมาณ 1 ขีด(แบบสด ไม่ต้องลวก)
มาวางเรียงใส่กล่องใต้สุด นำหมูยอ หมูสับ ไส้กรอก ปูอัด ถั่วลิสง วางเรียงกันให้ดูสวยงาม ปิดฝากล่อง
นำน้ำยำมาแยกแพ็คเก็ต ใส่ถ้วยพลาสติดใสเล็ก เพื่อดูมีมูลค่ามากขึ้น ประมาณนี้ค่ะ ลองไปปรับเปลี่ยนให้เป็นของตัวเองดูนะคะ

ดูตามคลิปนี้ได้เลยค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=Mtwsb9fcYOk&feature=youtu.be

การทำการตลาด (ฝากขายสินค้า น้ำสมุนไพร น้ำชาเขียว)


แนะนำการทำการตลาด(สินค้าฝากขาย)

สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นเรื่องของเราที่เราเริ่มทำธุรกิจ " น้ำชา" ฝากขายตามร้าน
คือเราชอบน้ำชาเขียวชงใส่แก้วยี่ห้อนึงมาก. ต้องซื้อกินทุกวันวันละหลายแก้ว
ก็เลยเริ่มมาหาวิธีทำกินเอง ทำยังไงก็ไม่ได้ แค่คล้าย แต่ก็ไม่ลดละความพยายามทำไปเรื่อยๆ หาวิธีไปเรื่อยๆ ถามจากคนขายใบชา จนวันนึงได้เทคนิคการทำมา ก็ลองทำจนเหมือน
แต่เดิมเราก็เคยทำสินค้าส่งตามร้านอยู่บ้าง แต่กำไรที่ได้มันน้อย การขายออกก็ยังน้อย เลยหยุดทำไป แต่พอมีสินค้าเอง คือน้ำชาเขียวมะลิ เราก็เลยเริ่มเห็นช่องทาง หาขวด ทำแบรนด์ขึ้นมา แล้วก็เริ่มไปฝากขายใกล้ๆบ้าน เพื่อนๆ และก็งานสัมมนาจากที่ทำงานเก่า

แรกๆ ก็ไม่ค่อยมียอดขายเท่าไร คือเหมือนทำไปกินไป แนะนำให้คนรู้จักเท่านั้น เงินได้มาก็ไม่เห็นกำไร บางทีต้องควักทุนเพิ่มอยู่เรื่อยๆ
ฟีดแบคจากร้าน บางร้านก็ดี บางร้านก็ไม่ดี ลูกค้าชอบบัาง ไม่ชอบบ้าง คอมเม้นว่าแพงบ้างต่างๆนาๆ ตอนนั้นก็เริ่มท้อแล้ว คิดว่าคงสู้เจ้าที่เขามีตลาดอยู่แล้วไม่ได้

เวลาผ่านไปสักพัก เริ่มมีคนมาสั่งออร์เดอร์ใหญ่ๆก็เลยเริ่มเปลี่ยนแพ็คเก็ตใหม่ เปลี่ยนขวดใหม่
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่า มั่นใจในสินค้ามากขึ้น เพราะดูน่ากินขึ้น ก็เลยคิดว่า ต้องลุยใหม่
โดยการออกหาลูกค้าตามร้านอาหารอย่างจริงจัง แต่ด้วยว่าเราต้องเลี้ยงลูกสองคน คงไม่เหมาะที่จะตะเวนเอาลูกไปหาลูกค้าด้วย ตอนนั้นก็เลยอาศัยเสาร์อาทิตย์ เวลาที่สามีหยุดอยู่บ้าน

ตอนออกไปตะเวนหาร้านลง ก็มีทั้งปฏิเสธและตกลง แต่ถ้าเมื่อไรเจ้าของร้านชอบกินชาเขียวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เขาก็จะโอเครซะส่วนใหญ่ เพราะถ้าเขาขายไม่ได้ เขาก็กินเอง เพราะบางร้านชอบซื้อน้ำชาเขียวมาดื่มทุกวัน
ผ่านไปสักเดือนยอดจากทางร้านอาหารมันทำให้รู้ว่า ยังไม่เยอะเท่าที่ควร ต้องหาเน้นอย่างอื่นเพิ่ม คืองานสัมมนา ประชุม อบรม ตัวนี้ก็พอมียอดขายมาช่วยได้บ้างแต่ยังไม่พอ
ก็เริ่มคิดถึงพวกแม่ค้าที่ขายน้ำตามงาน ตามตลาด ช่วงกลางวัน เพราะตอนนั้นอากาศร้อน ก็คงต้องลองลุยดูอีกครั้ง ยอดก็พอได้ เข้ามาเรื่อยๆ รอวันที่ลูกค้ารู้จัก ก็คงจะได้มากขึ้น
จากนั้นมา ก็มีเพื่อนๆเริ่มสั่งไปตามงาน ไม่ว่าจะไปงานสวดอภิธรรม งานบุญ งานแต่งงาน
ก็ทำให้พอมียอดขี้นมาอีกเรื่อยๆ

ปัจจุบันยอดขายประมาณ 1000-3000 ขวดต่อเดือน (แล้วแต่กำลังการผลิต และการหาลูกค้า)
พอที่จะมีรายได้ให้ตัวเอง เพราะเป็นแค่แม่บ้านเลี้ยงลูกสองคน ไม่ค่อยมีเวลาที่จะสามารถทำได้มากไปกว่านี้

แต่ณ ปัจจุบัน เด็กๆทั้งสองคนเริ่มไปเรียนกันหมดแล้ว ก็คงต้องหันมาลุยการตลาดอีกครั้ง

ข้อมูลเบื้องต้นด้านบน อาจพอเป็นประโยชน์ให้กับคนที่มีสินค้าโฮมเมดอยู่กับตัว ลองนำไปปรับใช้ว่าจะนำวิธีไหนไปใช้ให้เหมาะกับตัวเอง

สนใจสินค้าน้ำชาเขียวมะลิ, น้ำชาเขียวใบเตย,น้ำชาเขียวลำไย บรรจุขวดในราคาส่ง(ย่านรามอินทรา นวมินทร์ ลาดพร้าว สายไหม มีนบุรี หรือพื้นที่ใกล้เคียง)
หรือต้องการขอซื้อสูตรการทำ เพื่อไปเป็นแบรนด์ของตัวเอง
สอบถามได้ที่ fb. น้ำชาเขียวมะลิ

 https://www.facebook.com/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B4-1583843941883536/

แนะนำการหาตลาดสอนทำตามคลิปลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=2RiwYojThQc

วันจันทร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2558

การทำตลาดต้นอ่อนทานตะวันให้เป็นธุรกิจเงินแสน



การทำตลาดต้นอ่อนทานตะวันให้เป็นธุรกิจเงินแสน


ปัจจุบันต้นอ่อนทานตะวันเป็นที่รู้จักและนิยมหามารับประมานมากขึ้น เพราะต้นอ่อนทานตะวันมีประโยชน์มากมาย ทำให้คนหามาเพาะขึ้น เริ่มต้นจากเพาะไว้รับประทานเอง จนมาเป็นรายได้เสริม หากจะทำให้เป็นธุรกิจใหญ่โต เราควรจะเริ่มอะไร มาดูกัน


1. เราได้เริ่มเรียนรู้ ลองผิด ลองถูก และเข้าใจในการปลูกต้นอ่อนมากพอแล้วหรือยัง เริ่มต้นจากการเทคนิคการปลูก การตัด การล้าง การเก็บรักษา จนไปถึงการหาตลาด หากเราคิดว่าเราเข้าใจมันดีพอ มันก็จะเป็นการเริ่มต้นธุรกิจที่ดีได้ หากคิดว่า ยังไม่เข้าใจมันดีพอ ควรจะเริ่มศึกษาจนเข้าใจให้มากพอก่อน ไม่งั้นคุณอาจจะท้อซะก่อนที่จะไปตามฝันได้


2. หากคุณเข้าใจมันดีพอ ตามข้อ 1 สิ่งต่อไปที่คุณควรประเมินคือ สถานที่ สถานที่คุณมีพอที่จะทำให้เป็นธุรกิจหรือไม่ ยกตัวอย่าง คุณอยากมีรายได้ 1 แสนบาท เฉลี่ยแล้วคุณต้องมีรายได้ต่อวันวันละ 3,500 บาท หากขายส่งกิโลละ 100 บาทคุณจะต้องมีขายวันละ 35 โล ฉะนั้นคุณต้องประเมินสถานที่ให้ดีพอซะก่อน อาจจะหาเช่าที่เพื่อทำโรงเพาะก็ได้


3. บุคลากรในการทำงานวันละ 35 โล คุณอาจะมีญาติสัก 2-3 คนคอยช่วย หรือคุณอาจจะจ้างคนมาช่วยงานสัก 2 คนก็ได้ แล้ววางแผนการทำงานในแต่ละวันให้ดีพอ เช่น คุณอาจดูภาพรวมและหาตลาดและคอยส่งของ ส่วนคนที่เหลือก็ช่วยกันลงเมล็ด รดน้ำ ตัดผัก แพคผัก เคลียร์ดิน หรือแม้กระทั่งเครื่องจักร นวัตกรรมต่างๆ ที่สามารถช่วยคุณในการผลิตได้ (อาจทำให้คุณลดต้นทุนแรงงานได้)


4. เรื่องการหาตลาด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุด สำหรับคนที่ทำธุรกิจ จะเริ่มต้นยังไงดี อยากแนะนำดังนี้ค่ะ


 4.1 ตลาดสดค่ะ โฟกัสเลยค่ะ ตลาดโซนแถวบ้านคุณมีกี่ตลาด ในตลาดมีร้านผักสดกี่ร้าน คุยเลยค่ะ แนะนำประโยชน์ เมนู ให้กับแม่ค้าทราบ แม่ค้าจะได้บอกต่อลูกค้าได้ถูกต้อง หากแม่ค้าไม่รับและกลัวผักจะช้ำจะเสีย ก็ขอฝากขายก็ได้ค่ะ หากขายไม่หมดรับคืน และก็เก็บเงินที่ขายได้กันวันต่อวัน


 4.2 โรงเรียน โรงเรียนแถวบ้านคุณมีกี่โรงเรียน นำเสนอเลยค่ะ จะโทรเข้าไป หรือจะนัดเข้าไปนำเสนอ ว่าจะนำที่มีประโยชน์อย่างต้นอ่อนทานตะวันมาส่งขายให้ทางโรงเรียนทำเมนูอาหารให้เด็กๆทาน เพราะต้นอ่อนทานตะวันช่วยบำรุงสมอง และเด็กทานง่ายกว่าผักชนิดอื่นค่ะ ถ้าย่านแถวบ้านคุณ มีโรงเรียนสัก 10 โรงเรียนได้สัก 2 โรงเรียนก็ถือว่าโอเคแล้วค่ะ


4.3 โรงพยาบาลเอกชน ลองโทรศัพท์ไปนำเสนอฝ่ายจัดซื้อ ว่าจะขอส่งผักให้กับทางโรงพยาบาล เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนไข้ หรือแม้แต่ร้านค้าในโรงพยาบาล เดินดูเลยค่ะ หากทีร้านอาหารที่มาเช่าที่ ก็เข้าไปแนะนำ หากมีร้านขายของ ก็ขอเข้าไปฝากลงขาย แต่ต้องเน้นแพคเกจจิ้ง ให้ดูดีนิดนึงนะคะ


4.4 หาสถานที่ที่จัดงานเทศกาลไม่ว่าจะเป็นตามห้าง ตามมหาลัย ตามสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผักกับอาหาร เราก็ลองติดต่อไปลงขายเอง โดยมีผักและอาจจะทำน้ำต้นอ่อน หรือผลิตภัณฑ์เสริมอย่างอื่นเข้าไปวางขายให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น หรือจะหาฝากขายกับเจ้าอื่นก็ได้ค่ะ ฉะนั้น คุณจะต้องรู้จักพูดคุยกับคนให้มากขึ้น หาเทคนิควิธีในการเข้าหาผู้คน จะช่วยให้คุณมีช่องทางการขายมากขึ้นค่ะ


 4.5 สถานที่ที่เป็นซุเปอร์มาร์เก็ตย่านแถวบ้านคุณ ลองโทรไปติดต่อฝ่ายจัดซื้อของทางซุเปอร์มาร์เก็ตดูค่ะ


4.6 ร้านอาหาร ร้านอาหารแถวบ้านคุณมีกี่ร้าน ลองดูค่ะ โทรเข้าไปนำเสนอ เพราะปัจจุบัน ร้านอาหารนิยมเอามาทำกับข้าวให้ลูกค้าทานมากขึ้น


 4.7 ร้านข้าวต้ม ตอนนี้ร้านข้าวต้มก็นำเมนูอาหาร ต้นอ่อนทานตะวันผัดไฟแดง ต้นอ่อนทานตะวันผัดน้ำมันหอย มีมากขึ้น ต้องลองเข้าหาให้ถูกคนนะคะ คุณอาจจะได้ออร์เดอร์เพิ่มแน่นอนค่ะ


4.8 โรงแรม นี่ก็เป็นอีกทางเลือกนึงนะคะ ที่จะทำให้คุณมีออร์เดอร์ได้มากขึ้น ลองโทรเข้าไปและสอบถามดูค่ะ


4.9 หากคุณมีการทำผักปลอดสารพิษชนิดอื่นด้วย สิ่งที่แนะนำคือ หาตลาดกับผู้ที่รักสุขภาพ โดยการทำเป็นกระเช้าผัก และนำเสนอขายส่งให้ถึงบ้าน ตัวนี้หากคุณเก่งเรื่องการประชาสัมพันธ์ทางโซเชี่ยลมีเดีย มันจะช่วยคุณได้มากค่ะ


4.10 จ้างบุคคลาการทางการตลาดออกขายโดยเฉพาะเลย หรือ เซลล์นั่นเอง ตัวนี้สามารถช่วยให้คุณไม่ต้องออกหาตลาดเอง คุณก็สามารถดูแต่ภาพรวมทั้งหมดได้ โดยไม่ต้องซีเรียสเรื่องการทำตลาดอย่างเดียว




5.สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ แพ็คเกจจิ้ง ผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้  โดยการเน้นรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมโดยบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่าง  การบรรจุหีบห่อที่แตกต่างแม้นจะเป็นตัวผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันก็ตาม  คิดง่ายๆ สินค้าที่วางอยู่เป็นสินค้าชนิดเดียวกัน แต่มีความแตกต่างกัน เรื่อง หีบห่อที่บรรจุสินค้า แบรนด์ แม้แต่การระบุวันผลิต วันหมดอายุ ประโยชน์ ก็สามารถเพิ่มยอดขายได้แล้วค่ะ


6.การเก็บสินค้า และการขนส่งสินค้า ในทุกๆวันคุณวางแผนปลูกวันละ 35 กิโลแต่บางวันเกิดการยกเลิกการสั่งสินค้า หรือร้านค้าที่ฝากขายเกิดปิดกระทันหัน มันทำให้คุณต้องวางแผนเพื่อเรื่องการเก็บสินค้าให้อยู่ได้นาน หรือแม้แต่การขนส่งสินค้า หากคุณจะต้องส่งสินค้าทั้งวัน คุณจะมีวิธีการยังไงที่จะให้สินค้าที่อยู่ในรถทั้งวันไม่เสียหาย เรื่องนี้ต้องระวังให้ดีๆ


7. การแปรรูป เมื่อเราการผลิตได้มากขึ้น แต่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจริงๆ คือลูกค้ายกเลิกออร์เดอร์ 5 รายฉะนั้นสินค้าที่ผลิตมาเพือรองรับออร์เดอร์นี้ ไม่รู้จะกระจายไปที่ไหน สิ่งสำคัญของการมีสินค้าเยอะมากกว่ายอดขาย ก็คือการแปรรูป อย่างเช่น น้ำต้นอ่อนทานตะวัน ผลิตขายส่งเพื่อคนรักสุขภาพ หรือลองคิดสินค้าอื่นที่น่าจะเป็นไปได้เช่น สบู่ โลชั่น ยาสระผม น้ำหมัก ฯลฯ




ตลาดสำหรับการเกษตรแบบยั่งยืน



          ความมุ่งหมายของการเกษตรแบบยั่งยืน


 1)  การผลิตสินค้าในรูปแบบที่ผู้บริโภคต้องการหรือการฉีกแนวรูปแบบผลิตภัณฑ์  โดยการขายในราคาที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์โดยทั่วไป


 2)  การกำหนดราคาขายของผลิตสามารถสร้างกำไรได้


 3)  องค์กรขนาดเล็กแต่ผลิตสินค้าที่ตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้  โดยการเน้นรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างออกไปจากเดิมโดยบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่าง  การบรรจุหีบห่อที่แตกต่างแม้นจะเป็นตัวผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันก็ตาม  การผลิต


ผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างจะก่อให้เกิดความชำนาญในการผลิตและเผชิญกับสภาพการแข่งขันในตลาดที่น้อยกว่าตลาดสินค้าผลิตภัณฑ์โดยทั่วไปการจัดจำหน่ายผลผลิตที่แตกต่างในกลุ่มลูกค้าเฉพาะจะทำให้เกิดภาวการณ์แข่งขันที่น้อยกว่าสินค้าโดยทั่วไป


          แนวคิดการทำการตลาดโดยทั่วไป  คือ  ลูกค้าถูกต้องเสมอ  ระบบเศรษฐกิจและสภาพเศรษฐกิจเป็นปัจจัยในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค  ผู้ผลิตจำเป็นต้องผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค  การผลิตสินค้าเกษตรแบบยั่งยืนจะต้องสอดคล้องกับระบบนิเวศน์


สิ่งที่เสนอมาอาจะเป็นแค่การตลาดไม่มาก เพราะยังมีอย่างอื่นที่คุณมองไม่เห็นอีกมากมาย แต่มันข่วยให้คุณเห็นภาพการตลาดได้กว้างมากขึ้น อยู่ที่เพียงแค่คุณ รู้จักสังเกต รู้จักคิดต่อ ไม่เขิลอาย รู้จักที่จะเข้าหาผู้คน มันจะเป็นการเริ่มต้นที่คุณจะทำธุรกิจที่ดีได้ ไม่มีนักธุรกิจคนไหน ที่นั่งอยู่เฉยๆและนั่งฝันไปวันๆว่าพรุ่งนี้เราจะมีออร์เดอร์ เราจะขายดี หากคุณไม่ลุยกับมันแบบจริงจัง สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างคือการให้ การทำธุรกิจก็ต้องมีการให้ เช่น นำผักไปทำบุญให้กับวัด นำไปทำบุญกับสถานสงเคราะห์ต่างๆ หรือแม้แค้คุณเพียงแค่มองจากจุดเล็ก หากคุณเห็นคนตกงานว่างงาน คุณจะเอาเขามาช่วยงาน เอาเขาไปช่วยขายของให้ เท่านี้คุณก็ได้ให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่แล้ว และการให้มันจะส่งผลให้คุณได้รับ การทำธุรกิจทุกอย่างไม่มีใครได้ความสำเร็จมาง่ายๆ อยู่ที่เพียงว่าคุณเริ่มทำมันแลัวหรือยัง (ฝากข้อคิด หากคุณอยากผอม สิ่งที่ฝันคือหุ่นดี ผอม แต่สิ่งเป็นจริง คุณไม่ได้ออกกำลังกาย คุณไม่ได้ควบคุมอาหาร ยังไงคุณก็ไม่มีทางผอม)


Cr . agecon-extens.agri.cmu.ac.th/.../สรุปบทเรียน%20บทที่%207 (นำข้อความบางข้อความมาเสริมเพื่อเป็นความรู้ให้กับบุคคลทั่วไป)


Cr. Chalamporn arty(ผู้เขียนและเรียบเรียงทั้งหมด)

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

การปลูกต้นอ่อนทานตะวัน และการหาตลาด


การปลูกต้นอ่อนทานตะวัน 

ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่จะเน้นมารักษาสุขภาพกันมากขึ้น โดยหันมาทานผักปลอดสารพิษ และเลือกบริโภคอาหารกันมากขึ้น ผักปลอดสารพิษ อาจยังไม่ได้รับความนิยมในวงกว้าง คนบางกลุ่ม ยังรับประทานผักตามท้องตลาดทั่วไป เนื่องจากผักปลอดสารพิษ มีราคาสูงกว่าผักทั่วไป แต่เมื่อมาพูดถึง ผักต้นอ่อนทานตะวันปลอดสารพิษ คนให้ความนิยมกันค่อนข้างมาก อาจเนื่องจากตามกระแสโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เฟชบุค มีคนโพสภาพเมนูอาหารต่างๆนาๆ จนทำให้คนเริ่มรู้จัก บางคนเริ่มหันมาเพาะกินเอง บางคนเพาะได้เยอะ จนหันมาขายเป็นรายได้พิเศษ แต่บางคนอยากมีรายได้พิเศษ ยังนึกภาพไม่ออกว่าจะขายให้ใคร ขายยังไง บทความนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้กับคนต้องการเพาะต้นอ่อน เริ่มต้นวางแผนหาลูกค้า โดยถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง หากคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง คุณไม่จำเป็นต้องหาลูกค้ามากมาย คุณก็สามารถมีรายได้พิเศษได้

เริ่มต้น คุณต้องดูสถานที่ของตัวเองก่อน ประเมินว่า สถานที่เราพร้อมไหม คือ ถ้าหากสถานที่ไม่พอ เราก็อาจดัดแปลงการปลูก ได้เยอะๆ โดยการ มีชั้นเพาะต้นอ่อนทานตะวัน  (เสริจหาข้อมูลเพิ่มในกูเกิ้ลเอานะคะ ชั้นเพาะต้นอ่อนทานตะวัน)

ที่สำคัญ การวางชั้นจะต้องมีหลังคาคุมที่สามารถกันฝนได้ และจะต้องมีสแลนสีเขียวไว้คลุมเพื่อป้องกัน นก แมลง มาทำลายต้นอ่อนทานตะวัน สถานที่การวางแปลงเพาะต้นอ่อนทานตะวัน ก็ควรมีแสงแดดส่องถึง เพราะต้นอ่อนทานตะวันชอบแสงแดดอ่อนๆ เมื่อสถานที่พร้อม เราจะเริ่มปลูก เริ่มเพาะยังไงหล่ะ ตามต่อ


การเพาะต้นอ่อนทานตะวันปลอดสารพิษ

อุปกรณ์มีดังนี้  1.เมล็ดทานตะวัน(เสริจหาข้อมูล google) ปกติจะขายกันกิโลละ 100-150 บาท

2. ดิน (เราใช้ดินหมักชีวภาพ ขายตามร้านขายต้นไม้ ถุงละ 20 บาท)

3 ตะกร้า หรือ ถาดเพาะต้นอ่อน (เสริจหาดูรูปภาพเพิ่มเลยค่ะ)

เริ่มต้น

1.แช่เมล็ดทานตะวัน  1 ตะกร้า เรากะคร่าวๆประมาณ 3 กำมือ (อันนี้ต่อไป จะต้องดูปริมาณให้เหมาะกับตะกร้าและถาดเพาะของตัวเอง) เอามาแช่ในน้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง

2 .เอาตะกร้าที่สำหรับเพาะต้นอ่อนทานตะวันมารองด้วยกระดาษ ก่อนเทดินใส่ลงไปในตะกร้า (กันดินรั่วซึมออก)

เทดินลงตะกร้าประมาณ 5 ซม.กะคร่าวๆเอานะคะ

3 .เมื่อเมล็ดทานตะวันแช่น้ำครบ 8 ชั่วโมง ก็เอามาโรยลงดินอย่าให้ทับกัน โรยเรียงๆกัน (มีวิธีโรยเมล็ด ในยูทูป

สามารเสริจหาข้อมูลดูได้เองเลยนะคะ)

4. นำถาดคลุมทับทิ้งไว้ 2 วัน บางคนรดน้ำเช้าเย็น บางคนไม่รดน้ำ ลองทำดูนะคะ แล้วลองปรับใช้ของตัวเอง

5. เมื่อผ่านไป 2 วันเอาถาดออก แล้วรดน้ำเช้าเย็นโดยส่วนใหญ่ อีกประมาณ 5 วันจะเก็บได้ แต่ต้องดูความเหมาะสม หากต้นใหญ่เริ่มมีใบที่ 3-4 งอกให้รีบเก็บได้เลย แต่ถ้าหากต้นยังเตี้ย เล็ก ก็รอดูให้เหมาะสมค่ะ (อันนี้ต้องลองผิดลองถูกดูสัก 1-2 ครั้งค่ะ

6. ตัดเก็บต้นอ่อนทานตะวัน โดยการใช้ มีด คัตเตอร์ หรือกรรไกร แต่ที่ดีที่สุดในการเก็บที่แนะนำกันมา คือใช้คัตเตอร์ค่ะ รองลงมาก็มีดค่ะ ส่วนกรรไกรมันจะช้ำง่าย เสริจหาข้อมุลดุการตัดเก็บในยูทูปได้ค่ะ

7. เมื่อตัดเก็บแล้ว วิธีเราจะตัดใส่ถุงส่งลูกค้า ถุงละ 2 ขีด ถุงละ 30 บาท เมื่อทำได้สักพักมีลูกค้า อาจะติดแบรนด์ของตัวเองลงถุงด้วยค่ะ (เพื่อลูกค้าบอกต่อ  จะได้มีเบอร์โทรมาสั่งสินค้าได้นะคะ)

ทำได้หมดแล้ว สถานที่มีแล้ว ปลูกออกมาสวยงานแล้ว ปลูกได้เยอะ แล้วฉันจะไปขายใคร ช่วยแนะนำฉันหน่อยสิ ฉันเริ่มต้นไม่ถูก

ตามต่อ

เมื่อทำได้ออกมาดีแล้ว จะขายใคร ขายยังไง ลองนึกถึงตัวเองก่อน เช่น คุณรู้จักใครบ้าง หมู่บ้านคุณเป็นแบบไหน รู้จักร้านค้า ตลาด พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัด รู้จักบ้างไหม ร้านอาหารรู้จักเขาบ้างหรือป่าว หรือว่าบ้านเราเป็นร้านอาหารอยู่แล้ว บ้านขายของชำ บ้านอยู่ติดร้านผัก ตัวฉันสนิทกับรถที่มาขายผัก เขามาขายที่หน้าบ้านทุกวัน  หรือว่าฉันทำงานออฟฟิต เพื่อนๆชอบกินต้นอ่อนทานตะวัน อันนี้ง่ายเลย ขายเพื่อน หรือว่าตลาดกลางวันที่ออฟฟิตมีร้านผักปลอดสารพิษมาขาย แต่ยังไม่มีต้นอ่อนทานตะวันก็ฝากเขาขาย   

 เดี๋ยวเราจะเอาออกมาให้ดูเป็นข้อๆนะ

1.        หากคุณอยู่ในหมู่บ้านใหญ่ หรือใกล้ๆกับหมู่บ้านใหญ่ๆ คุณทำใบปลิวแจกเลย ว่าคุณมีต้นอ่อนทานตะวันปลอดสารพิษขาย ส่งฟรีถึงบ้าน แนะนำเมนูอาหารลงในใบปลิว (ฉันไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านใหญ่อ่ะ ตามต่อ)

2.       หน้าบ้านคุณเองเป็นที่คนเดินผ่าน หรือเป็นทางสาธารณะ คุณเอาออกมาใส่ตะกร้า วางบนโต๊ะหน้าบ้าน ติดป้ายขายเลย ถุงละกี่บาท ติดข้อมูลให้ครบ (ฉันก็ไมได้อยู่ติดทางสาธารณะนะ ตามต่อ)

3.       คุณมีรถไหม หากคุณมีรถ และคุณทำได้เยอะต่ออาทิตย์ หาที่เหมาะๆเปิดท้ายขายโดยการติดป้ายไวนิลใหญ่ๆ ที่สามารถโฆษณาให้คนเห็นได้ว่าคุณขายอะไร ส่วนตัวที่เราคิดเราเปิดท้ายขายที่ตลาดเช้าแถวบ้าน แม่บ้านเดินเยอะ (โอยฉันก็ไม่มีรถอ่ะนะ ทำไงได้อีก 555 ตามต่อ)

4.       ขอเช่าที่ตลาดนัดแถวบ้านเลยจร้า อาจจะขายแค่อาทิตย์ละครั้ง สองครั้ง ขายถุงละ 20 บาท 1 ขีด รับรองขายง่าย (ฉันไม่มีเวลาไปขายหรอก ฉันเป็นแม่ลูกอ่อน)

5.       รู้จักเพื่อนๆพี่ๆ ที่ทำงานเก่าไหม หรือสามีทำงานออฟฟิต ลองเอาให้สามีไปให้เพื่อนๆที่ออฟฟิตลองชิม และฝากไปขาย (ส่วนตัวเรา มีพี่แถวบ้านทำงานแบงส์ สั่งกันมาทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 8-10 ถุง )(สามีฉันขี้อายจร้า เอาไปฝากไม่ได้หรอก งั้นมาตามต่อ)

6.       รู้จักร้านอาหารบ้างไหม หรือหากไม่รู้จักก็ลองถามหรือโทรไปสอบถามดู ว่าทางร้านสนใจต้อนอ่อนทานตะวันไหมคะ เราจะเพาะขายให้ในราคา .........................(อันนี้แล้วแต่ ถ้าจะให้ดี ควรไม่เกิน 150 บาทต่อโล)เพื่อทางร้านสนใจจะไปทำเมนูอาหารขายลูกค้า(ฉันไม่รู้จักและไม่กล้าโทรไปถามอ่ะ ทำไงดี ตามต่อ)

7.       บ้านฉันอยู่ในชุมชนในหมู่บ้านขนาดใหญ่ ฉันทำกับข้าวเก่ง ลองคิดเมนู ทำขายเดลิเวอรี่ไหม อาจจะเป็น สลัด หรือยำ ที่สามารถทำแล้วไม่เสียง่าย ทำตามออเดอร์ลูกค้า (ฉันทำกับข้าวไม่เก่ง)

8.       รู้จักร้านผักหรือรถผักบ้างไหม ฝากขายเลยจร้า บอกว่าขายส่งถุงละ........... แล้วให้แม่ค้าไปบวกกำไรเอาเอง วันรุ่งขึ้นค่อยมาเคลียร์ตังค์กัน ให้เขาลองไปขายก่อน

ที่ว่าทั้งหมด น่าจะพอเป็นช่องทางได้

เมื่อคุณทำได้สักพัก คุรเริ่มรู้กำลังการผลิตของคุณและ คุณสามารถวางแผนรายได้ได้ดังนี้

ตะกร้าเพาะต้นอ่อนของคุณ 1 ตะกร้า สามารถเพาะได้ ครึ่งโล(อันนี้แล้วแต่ขนาดของแต่ละคนนะ ไม่มีตายตัว)ขึ้นอยู่กับการเพาะของแต่ละคน สมมุติหากคุณเพาะได้ 1 ตะกร้าครึ่งโล หากคุณขายราคากิโลละ 150 บาทคุณอยากขายสักวันละ 1 โลก็พอ(ด้วยสถานที่จำกัด หรืออะไรแล้วแต่) คุณต้องตะกร้า 2 ใบในการเพาะ 1 วันถ้าต้องการมีรายได้ทุกวัน ก็x 7 วัน เท่ากับคุณต้องมีตะกร้า 14 ใบ ปลูกทุกวันวันละ 2 ตะกร้า คุณก็จะมีรายได้วันละ 150 บาท เดือนนึงคุณก็จะมีรายได้ 4500 บาทต่อเดือน (คร่าวๆตามความเหมาะสมของแต่ละคน) เอาไปปรับใช้นะคะ

ต้นอ่อนทานตะวัน ไม่ใช่ว่าปลูกแล้วจะดีทุกครั้งเสมอไป คุณจะพบเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเสมอ

1.       นกมาจิกกัด อันนี้ต้องแสลนสีเขียวคลุม

2.       แดดไม่มี ฝนตกบ่อย ราขึ้น อันนี้ต้องหาวิธีแก้ แต่ละปัญหา เสริจหาข้อมูลในกูเกิ้ล

3.       ขึ้นไม่เสมอ ขึ้นไม่สวย

4.       เมล็ดไม่ดี


ต้องเรียนรู้และค่อยๆหาวิธีแก้กันไป  ปัญหายิ่งมาก มันจะสั่งสมให้คุณเก่งขึ้น


ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม บทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้ไม่มากก็น้อย ข้อความด้านบนอาจะไม่ถูกไปทั้งหมด แต่นี่คือประสบการณ์และความคิดของเรา เอามาเผยแพร่ให้เพื่อนๆไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนหาข้อมูลเองได้หมด ในกูเกิ้ล ได้ผลไม่ได้ผลอย่างไร ติชมกันด้วยนะคะ



 

ชวนทำอาหาร Template by Ipietoon Cute Blog Design