การปลูกต้นอ่อนทานตะวัน
ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่จะเน้นมารักษาสุขภาพกันมากขึ้น
โดยหันมาทานผักปลอดสารพิษ และเลือกบริโภคอาหารกันมากขึ้น ผักปลอดสารพิษ
อาจยังไม่ได้รับความนิยมในวงกว้าง คนบางกลุ่ม ยังรับประทานผักตามท้องตลาดทั่วไป
เนื่องจากผักปลอดสารพิษ มีราคาสูงกว่าผักทั่วไป แต่เมื่อมาพูดถึง
ผักต้นอ่อนทานตะวันปลอดสารพิษ คนให้ความนิยมกันค่อนข้างมาก
อาจเนื่องจากตามกระแสโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เฟชบุค มีคนโพสภาพเมนูอาหารต่างๆนาๆ
จนทำให้คนเริ่มรู้จัก บางคนเริ่มหันมาเพาะกินเอง บางคนเพาะได้เยอะ
จนหันมาขายเป็นรายได้พิเศษ แต่บางคนอยากมีรายได้พิเศษ ยังนึกภาพไม่ออกว่าจะขายให้ใคร
ขายยังไง บทความนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นให้กับคนต้องการเพาะต้นอ่อน
เริ่มต้นวางแผนหาลูกค้า โดยถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง
หากคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง คุณไม่จำเป็นต้องหาลูกค้ามากมาย
คุณก็สามารถมีรายได้พิเศษได้
เริ่มต้น คุณต้องดูสถานที่ของตัวเองก่อน ประเมินว่า
สถานที่เราพร้อมไหม คือ ถ้าหากสถานที่ไม่พอ เราก็อาจดัดแปลงการปลูก ได้เยอะๆ
โดยการ มีชั้นเพาะต้นอ่อนทานตะวัน
(เสริจหาข้อมูลเพิ่มในกูเกิ้ลเอานะคะ ชั้นเพาะต้นอ่อนทานตะวัน)
ที่สำคัญ การวางชั้นจะต้องมีหลังคาคุมที่สามารถกันฝนได้ และจะต้องมีสแลนสีเขียวไว้คลุมเพื่อป้องกัน
นก แมลง มาทำลายต้นอ่อนทานตะวัน สถานที่การวางแปลงเพาะต้นอ่อนทานตะวัน
ก็ควรมีแสงแดดส่องถึง เพราะต้นอ่อนทานตะวันชอบแสงแดดอ่อนๆ เมื่อสถานที่พร้อม
เราจะเริ่มปลูก เริ่มเพาะยังไงหล่ะ ตามต่อ
การเพาะต้นอ่อนทานตะวันปลอดสารพิษ
อุปกรณ์มีดังนี้ 1.เมล็ดทานตะวัน(เสริจหาข้อมูล
google) ปกติจะขายกันกิโลละ 100-150 บาท
2. ดิน (เราใช้ดินหมักชีวภาพ ขายตามร้านขายต้นไม้ ถุงละ 20 บาท)
3 ตะกร้า หรือ ถาดเพาะต้นอ่อน (เสริจหาดูรูปภาพเพิ่มเลยค่ะ)
เริ่มต้น
1.แช่เมล็ดทานตะวัน 1 ตะกร้า
เรากะคร่าวๆประมาณ 3 กำมือ (อันนี้ต่อไป
จะต้องดูปริมาณให้เหมาะกับตะกร้าและถาดเพาะของตัวเอง)
เอามาแช่ในน้ำสะอาดทิ้งไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง
2 .เอาตะกร้าที่สำหรับเพาะต้นอ่อนทานตะวันมารองด้วยกระดาษ ก่อนเทดินใส่ลงไปในตะกร้า (กันดินรั่วซึมออก)
เทดินลงตะกร้าประมาณ 5 ซม.กะคร่าวๆเอานะคะ
3 .เมื่อเมล็ดทานตะวันแช่น้ำครบ 8 ชั่วโมง
ก็เอามาโรยลงดินอย่าให้ทับกัน โรยเรียงๆกัน (มีวิธีโรยเมล็ด ในยูทูป
สามารเสริจหาข้อมูลดูได้เองเลยนะคะ)
4. นำถาดคลุมทับทิ้งไว้ 2 วัน
บางคนรดน้ำเช้าเย็น บางคนไม่รดน้ำ ลองทำดูนะคะ แล้วลองปรับใช้ของตัวเอง
5. เมื่อผ่านไป 2 วันเอาถาดออก
แล้วรดน้ำเช้าเย็นโดยส่วนใหญ่ อีกประมาณ 5 วันจะเก็บได้ แต่ต้องดูความเหมาะสม
หากต้นใหญ่เริ่มมีใบที่ 3-4 งอกให้รีบเก็บได้เลย แต่ถ้าหากต้นยังเตี้ย เล็ก
ก็รอดูให้เหมาะสมค่ะ (อันนี้ต้องลองผิดลองถูกดูสัก 1-2 ครั้งค่ะ
6. ตัดเก็บต้นอ่อนทานตะวัน โดยการใช้ มีด คัตเตอร์ หรือกรรไกร
แต่ที่ดีที่สุดในการเก็บที่แนะนำกันมา คือใช้คัตเตอร์ค่ะ รองลงมาก็มีดค่ะ
ส่วนกรรไกรมันจะช้ำง่าย เสริจหาข้อมุลดุการตัดเก็บในยูทูปได้ค่ะ
7. เมื่อตัดเก็บแล้ว วิธีเราจะตัดใส่ถุงส่งลูกค้า ถุงละ 2 ขีด ถุงละ 30
บาท
เมื่อทำได้สักพักมีลูกค้า อาจะติดแบรนด์ของตัวเองลงถุงด้วยค่ะ
(เพื่อลูกค้าบอกต่อ
จะได้มีเบอร์โทรมาสั่งสินค้าได้นะคะ)
ทำได้หมดแล้ว สถานที่มีแล้ว ปลูกออกมาสวยงานแล้ว ปลูกได้เยอะ
แล้วฉันจะไปขายใคร ช่วยแนะนำฉันหน่อยสิ ฉันเริ่มต้นไม่ถูก
ตามต่อ
เมื่อทำได้ออกมาดีแล้ว จะขายใคร ขายยังไง ลองนึกถึงตัวเองก่อน เช่น
คุณรู้จักใครบ้าง หมู่บ้านคุณเป็นแบบไหน รู้จักร้านค้า ตลาด พ่อค้าแม่ค้าตลาดนัด
รู้จักบ้างไหม ร้านอาหารรู้จักเขาบ้างหรือป่าว
หรือว่าบ้านเราเป็นร้านอาหารอยู่แล้ว บ้านขายของชำ บ้านอยู่ติดร้านผัก ตัวฉันสนิทกับรถที่มาขายผัก
เขามาขายที่หน้าบ้านทุกวัน
หรือว่าฉันทำงานออฟฟิต เพื่อนๆชอบกินต้นอ่อนทานตะวัน อันนี้ง่ายเลย
ขายเพื่อน หรือว่าตลาดกลางวันที่ออฟฟิตมีร้านผักปลอดสารพิษมาขาย
แต่ยังไม่มีต้นอ่อนทานตะวันก็ฝากเขาขาย
เดี๋ยวเราจะเอาออกมาให้ดูเป็นข้อๆนะ
1.
หากคุณอยู่ในหมู่บ้านใหญ่
หรือใกล้ๆกับหมู่บ้านใหญ่ๆ คุณทำใบปลิวแจกเลย
ว่าคุณมีต้นอ่อนทานตะวันปลอดสารพิษขาย ส่งฟรีถึงบ้าน แนะนำเมนูอาหารลงในใบปลิว
(ฉันไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านใหญ่อ่ะ ตามต่อ)
2.
หน้าบ้านคุณเองเป็นที่คนเดินผ่าน
หรือเป็นทางสาธารณะ คุณเอาออกมาใส่ตะกร้า วางบนโต๊ะหน้าบ้าน ติดป้ายขายเลย
ถุงละกี่บาท ติดข้อมูลให้ครบ (ฉันก็ไมได้อยู่ติดทางสาธารณะนะ ตามต่อ)
3.
คุณมีรถไหม หากคุณมีรถ และคุณทำได้เยอะต่ออาทิตย์
หาที่เหมาะๆเปิดท้ายขายโดยการติดป้ายไวนิลใหญ่ๆ
ที่สามารถโฆษณาให้คนเห็นได้ว่าคุณขายอะไร ส่วนตัวที่เราคิดเราเปิดท้ายขายที่ตลาดเช้าแถวบ้าน
แม่บ้านเดินเยอะ (โอยฉันก็ไม่มีรถอ่ะนะ ทำไงได้อีก 555 ตามต่อ)
4.
ขอเช่าที่ตลาดนัดแถวบ้านเลยจร้า
อาจจะขายแค่อาทิตย์ละครั้ง สองครั้ง ขายถุงละ 20 บาท 1 ขีด
รับรองขายง่าย (ฉันไม่มีเวลาไปขายหรอก ฉันเป็นแม่ลูกอ่อน)
5.
รู้จักเพื่อนๆพี่ๆ ที่ทำงานเก่าไหม
หรือสามีทำงานออฟฟิต ลองเอาให้สามีไปให้เพื่อนๆที่ออฟฟิตลองชิม และฝากไปขาย
(ส่วนตัวเรา มีพี่แถวบ้านทำงานแบงส์ สั่งกันมาทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 8-10 ถุง
)(สามีฉันขี้อายจร้า เอาไปฝากไม่ได้หรอก งั้นมาตามต่อ)
6.
รู้จักร้านอาหารบ้างไหม
หรือหากไม่รู้จักก็ลองถามหรือโทรไปสอบถามดู ว่าทางร้านสนใจต้อนอ่อนทานตะวันไหมคะ
เราจะเพาะขายให้ในราคา .........................(อันนี้แล้วแต่ ถ้าจะให้ดี
ควรไม่เกิน 150 บาทต่อโล)เพื่อทางร้านสนใจจะไปทำเมนูอาหารขายลูกค้า(ฉันไม่รู้จักและไม่กล้าโทรไปถามอ่ะ
ทำไงดี ตามต่อ)
7.
บ้านฉันอยู่ในชุมชนในหมู่บ้านขนาดใหญ่
ฉันทำกับข้าวเก่ง ลองคิดเมนู ทำขายเดลิเวอรี่ไหม อาจจะเป็น สลัด หรือยำ
ที่สามารถทำแล้วไม่เสียง่าย ทำตามออเดอร์ลูกค้า (ฉันทำกับข้าวไม่เก่ง)
8.
รู้จักร้านผักหรือรถผักบ้างไหม ฝากขายเลยจร้า
บอกว่าขายส่งถุงละ........... แล้วให้แม่ค้าไปบวกกำไรเอาเอง
วันรุ่งขึ้นค่อยมาเคลียร์ตังค์กัน ให้เขาลองไปขายก่อน
ที่ว่าทั้งหมด น่าจะพอเป็นช่องทางได้
เมื่อคุณทำได้สักพัก
คุรเริ่มรู้กำลังการผลิตของคุณและ คุณสามารถวางแผนรายได้ได้ดังนี้
ตะกร้าเพาะต้นอ่อนของคุณ 1 ตะกร้า
สามารถเพาะได้ ครึ่งโล(อันนี้แล้วแต่ขนาดของแต่ละคนนะ
ไม่มีตายตัว)ขึ้นอยู่กับการเพาะของแต่ละคน สมมุติหากคุณเพาะได้ 1 ตะกร้าครึ่งโล
หากคุณขายราคากิโลละ 150 บาทคุณอยากขายสักวันละ 1 โลก็พอ(ด้วยสถานที่จำกัด
หรืออะไรแล้วแต่) คุณต้องตะกร้า 2 ใบในการเพาะ 1 วันถ้าต้องการมีรายได้ทุกวัน
ก็x 7 วัน เท่ากับคุณต้องมีตะกร้า 14 ใบ
ปลูกทุกวันวันละ 2 ตะกร้า คุณก็จะมีรายได้วันละ 150 บาท
เดือนนึงคุณก็จะมีรายได้ 4500 บาทต่อเดือน (คร่าวๆตามความเหมาะสมของแต่ละคน)
เอาไปปรับใช้นะคะ
ต้นอ่อนทานตะวัน
ไม่ใช่ว่าปลูกแล้วจะดีทุกครั้งเสมอไป คุณจะพบเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเสมอ
1.
นกมาจิกกัด อันนี้ต้องแสลนสีเขียวคลุม
2.
แดดไม่มี ฝนตกบ่อย ราขึ้น อันนี้ต้องหาวิธีแก้
แต่ละปัญหา เสริจหาข้อมูลในกูเกิ้ล
3.
ขึ้นไม่เสมอ ขึ้นไม่สวย
4.
เมล็ดไม่ดี
ต้องเรียนรู้และค่อยๆหาวิธีแก้กันไป ปัญหายิ่งมาก มันจะสั่งสมให้คุณเก่งขึ้น
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม
บทความนี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้ไม่มากก็น้อย ข้อความด้านบนอาจะไม่ถูกไปทั้งหมด
แต่นี่คือประสบการณ์และความคิดของเรา
เอามาเผยแพร่ให้เพื่อนๆไปปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนหาข้อมูลเองได้หมด
ในกูเกิ้ล ได้ผลไม่ได้ผลอย่างไร ติชมกันด้วยนะคะ